สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
แนวทาง/วิธีการสำคัญในการเพิ่มกิจกรรมทางกาย
1. การสร้างความรู้ ความเข้าใจจัดเก็บความรู้ วิธีการใหม่ และสื่อสารความรู้
การสร้างความรู้ ความเข้าใจ จัดเก็บความรู้ หาวิธีการใหม่ และการสื่อสารความรู้นำไปสู่การรับรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องว่ากิจกรรมทางกายเป็นเรื่องที่ครอบคลุมมากกว่าการออกกำลังกาย ตามที่คนทั่วไปเข้าใจ การสร้างความรู้ความเข้าใจ ทำได้โดยสื่อสาร รณรงค์ ประกวด อบรมจัดนิทรรศการ เรื่องการเพิ่มกิจกรรมทางกายให้เพียงพอที่สามารถทำได้โดยการมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเดินทางไปโรงเรียน ไปทำงาน การเพิ่มการเคลื่อนไหวในระหว่างการเรียน การทำงาน และการออกกำลังกายหรือเดินเล่น ทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่วมกันของครอบครัว กลุ่มเพื่อนเพื่อพักผ่อนหลังเลิกงาน
การสร้างการรับรู้ ความเข้าใจของสังคมยังทำได้โดยการจัดกิจกรรมเพิ่มการมีกิจกรรมทางกายด้วยวิธีการใหม่ ๆ โดยใช้ศิลปะ วัฒนธรรม การละเล่นไทย กีฬาไทยที่มีอยู่ในชุมชนหรือจัดกิจกรรมเพิ่มการมีกิจกรรมทางกายในกลุ่มวัย และพื้นที่ต่าง ๆ เช่น เด็กปฐมวัย นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ ในพื้นที่สถานศึกษา สถานที่ทำงาน ศาสนสถานพร้อม ๆ ไปกับการสอดแทรกความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องกิจกรรมทางกาย
แนวทางสำคัญ : การสร้างความรู้ ความเข้าใจ จัดเก็บความรู้ วิธีการใหม่ และสื่อสารความรู้
วิธีการ
- จัดการมีกิจกรรมทางกายให้กับคนในชุมชน ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนกลุ่มผู้สูงอายุ โดยใช้การเซิ้ง ร็องแง็งรำมวยไทย ตะกร้อลอดห่วง
- ประกวดการออกแบบการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรที่เหมาะกับวัย เพื่อเพิ่มกิจกรรมทางกายในศูนย์เด็กเล็ก ในโรงเรียน
- จัดการละเล่นไทย เช่น มอญซ่อนผ้า รีรีข้าวสาร วิ่งเปี้ยว ม้าก้านกล้วย เดินกะลา; และกีฬาไทย เช่นตะกร้อลอดห่วง รำมวยไทย ในศูนย์เด็กเล็ก ในโรงเรียน เพื่อเพิ่ม (Active play–Active learning)
- รณรงค์การมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน
- จัดนิทรรศการกิจกรรมทางกาย เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่เหมาะกับกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรมที่ทำนา ทำสวนทำไร่ พนักงานโรงงาน
- เสียงตามสายในโรงเรียน ในชุมชน ในโบสถ์ มัสยิดเพื่อรณรงค์การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเนือยนิ่ง เพิ่มกิจกรรมทางกาย
- ประชุมร่วมกัน เพื่อออกแบบพื้นที่สาธารณะให้มีการใช้กิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น
- จัดกิจกรรมบูรณาการการมีกิจกรรมทางกายควบคู่กับการจัดการเศรษฐกิจชุมชน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เช่น กิจกรรมปลูกป่า กิจกรรมการจัดการขยะ การลงแขกทำเกษตรแปลงรวม การปั่นจักรยานสำรวจพืชสมุนไพรในชุมชน
- จัดทำสื่อเอกสาร หนังสั้น คลิปสั้น เพื่อเชิญชวนให้คนมีกิจกรรมทางกายลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง
2. การพัฒนาความสามารถของคน องค์กร เครือข่าย
การพัฒนาความสามารถของคน องค์กร เครือข่ายเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ ความรอบรู้ และทักษะที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานเพิ่มกิจกรรมทางกายอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพทำได้โดยการอบรมสร้างแกนนำ ทั้งระดับบุคคลกลุ่มคน องค์กรและเครือข่าย เน้นการส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ การส่งเสริมและพัฒนารูปแบบกิจกรรมทางกายที่ครอบคลุมเรื่องสุขภาวะทั้งกาย จิต สังคม และปัญญารวมทั้งคุณค่าที่เกิดขึ้นกับตนเอง สังคม และชุมชน
แนวทางสำคัญ : การพัฒนาความสามารถของคน องค์กร เครือข่ายให้มีความเข้าใจมีความสามารถเรื่องการมีกิจกรรมทางกายว่าเป็นการเคลื่อนไหวหรือการออกแรงของร่างกาย ทั้งในการทำงานการเดินทางการมีกิจกรรมนันทนาการและการออกกำลังกาย กิจกรรมทางกายจึงมีความหมายมากกว่าการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา
วิธีการ
- ครูร่วมกันพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาในพื้นที่ โดยปรับวิธีการสอนวิชาพละและสุขศึกษาให้เน้นมีกิจกรรมทางกายแทนการบรรยาย ปรับเนื้อหาครอบคลุมการเคลื่อนไหวในกิจวัตรประจำวัน ให้การบ้านการมีกิจกรรมทางกาย การสะสมแต้มการมีกิจกรรมทางกาย จำนวนการเดินรอบสนาม
- อบรมครูสุขศึกษา/พละ/อนามัย เรื่องกิจกรรมทางกายที่ไม่ได้เน้นการออกกำลังกาย
- เปิดคลินิกให้คำปรึกษาเรื่องการเพิ่มกิจกรรมทางกายในโรงเรียนเพื่อควบคุมน้ำหนัก
- อบรมเชิงปฏิบัติการแกนนำนักเรียน แกนนำในสถานประกอบการ แกนนำใน ศาสนสถานเพื่อถ่ายทอดและเป็นผู้นำเรื่องกิจกรรมทางกาย การลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง
- อบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้สูงอายุเป็นวิทยากร สอนเด็กในศูนย์เด็กเล็ก/โรงเรียน ให้รู้จักการละเล่นไทย/ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การทำว่าว เล่านิทาน
- อบรมให้ความรู้แก่ชมรมผู้สูงอายุเกี่ยวกับกิจกรรมทางกาย
- ฝึกทักษะกิจกรรมทางกายกลุ่มเฉพาะอาชีพที่อยู่กับที่ เช่น ทอผ้า พนักงานสำนักงาน
3. การสร้างพื้นที่ต้นแบบสุขภาวะทั้งพื้นที่ที่เป็นบ้าน โรงเรียน สถานที่ทำงานศาสนสถาน พื้นที่สาธารณะ และชุมชน
การสร้างพื้นที่ต้นแบบสุขภาวะโดยการทำให้สภาพแวดล้อมทั้งในสถานที่ที่อยู่อาศัย สถานศึกษา สถานที่ทำงาน สถานประกอบการทั้งรัฐและเอกชน สถานบริการสุขภาพ ศาสนสถาน และพื้นที่สาธารณะเอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายซึ่งจะช่วยให้ทุกคน ทุกภาคส่วน ทุกระดับ เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องกิจกรรมทางกาย
การสร้างพื้นที่ต้นแบบสุขภาวะทำได้โดยส่งเสริมการทางด้วยการเดินหรือปั่นจักรยาน จัดการเรียนและการเล่นแบบกระฉับกระเฉง (Active play Active learning) ปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาในพื้นที่ในวิชาสุขศึกษาและพละศึกษาให้เน้นการมีกิจกรรมทางกายเป็นหลักแทนการบรรยาย ให้มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวยืดเหยียด รวมทั้งลดเวลาในการนั่งนิ่ง ๆ ติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมงในชั่วโมงเรียน ระหว่างทำงานหรือประชุม จัดการละเล่นไทย กีฬาไทยในช่วงเวลาว่าง การสร้างแรงจูงใจในการใช้บันได
แนวทางสำคัญ : การสร้างพื้นที่ต้นแบบสุขภาวะทั้งพื้นที่ที่เป็นบ้าน โรงเรียน สถานที่ทำงาน ศาสนสถาน พื้นที่สาธารณะ และชุมชน
วิธีการ
- ประกวด/ ถอดบทเรียนบ้านกระฉับกระเฉง ที่มีการส่งเสริมให้ครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ทำกิจกรรมทางกายร่วมกัน รวมทั้งการรับประทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม
- ร่วมกันพัฒนาโรงเรียนให้มีการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย ได้แก่ การเดินหรือปั่นจักรยานมาเรียน การจัดการละเล่นไทย เช่น ตี่จับ/ กระโดดเชือก/ มวยไทย ในช่วงว่าง การรณรงค์การใช้บันได
- ครูร่วมกันพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาในพื้นที่ โดยปรับวิธีการสอนวิชาพละและสุขศึกษาให้เน้นมีกิจกรรมทางกายแทนการบรรยาย ปรับเนื้อหาครอบคลุมการเคลื่อนไหวในกิจวัตรประจำวัน ให้การบ้านการมีกิจกรรมทางกาย การสะสมแต้มการมีกิจกรรมทางกาย จำนวนการเดินรอบสนาม
- โครงการเกษตรในโรงเรียน การปลูกพืชผักส่วนครัว หรือการทำแปลงรวม ช่วยเพิ่มกิจกรรมทางกาย เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนลงมือทำเกษตรด้วยตนเอง
- โครงการร่วมกันพัฒนาสถานที่ทำงานให้บุคลากรเพิ่มการเคลื่อนไหวระหว่างทำงานจัดอาหารสำหรับประชุมที่เอื้อต่อสุขภาพ เช่น เพิ่ม ผัก–ผลไม้เปลี่ยนอาหารว่างเป็นผลไม้/ น้ำสมุนไพรไม่หวานหรือหวานน้อย
- ชุมชนร่วมกันจัดสภาพแวดล้อมในชุมชนให้สะอาด ปลอดภัยกับการมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน เช่น ทำความสะอาดเส้นทางสัญจรในชุมชนให้สะอาด ไม่มีสิ่งกีดขวางสำหรับการเดินปั่นจักรยาน;การลงแรงร่วมกันทำความสะอาด เก็บกิ่งไม้ สิ่งกีดขวางในพื้นที่สาธารณะ เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการพักผ่อน วิ่งเล่น หรือออกกำลังกายอื่น ๆ
- โครงการดนตรีในสวน เพื่อให้คนมาร่วมทำกิจกรรมทางกายร่วมกัน
4. การขับเคลื่อนกระบวนการนโยบายสาธารณะในพื้นที่เพื่อเพิ่มการมีกิจกรรม ทางกาย
การขับเคลื่อนกระบวนการนโยบายสาธารณะในพื้นที่เป็นการการผลักดันให้ชุมชนมีนโยบาย ข้อตกลงร่วมกันของชุมชน ที่ส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย อาจเป็นข้อตกลงในเรื่องการจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อ เช่น ข้อตกลงไม่วางของบนทางเท้าเพื่อให้สะดวก ปลอดภัยของคนในชุมชนในการเดินสัญจร; ข้อตกลงในการใช้พื้นที่สาธารณะที่มีอยู่ในชุมชน
แนวทางสำคัญ : การขับเคลื่อนกระบวนการนโยบายสาธารณะในพื้นที่เพื่อเพิ่มการมีกิจกรรมทางกาย
วิธีการ
- โครงการร่วมสร้างข้อตกลงชุมชนในการใช้พื้นที่สาธารณะ การใช้เส้นทางสัญจร(เดิน/จักรยาน) ที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน
- โครงการร่วมสร้างนโยบายของหน่วยงาน สถานประกอบการ ในการจัดสรรเวลา สถานที่ และส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายของพนักงาน
5. การสร้างกลไกความร่วมมือขององค์กร หน่วยงาน เครือข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อการเพิ่มกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน
การสร้างกลไกความร่วมมือขององค์กร หน่วยงาน เครือข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อการเพิ่มกิจกรรมทางกายของคนในชุมชนเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนกิจกรรมทางกายทั้งภาครัฐเอกชน รัฐวิสาหกิจเครือข่ายศาสนาและภาคประชาชน
แนวทางสำคัญ : การสร้างกลไกความร่วมมือขององค์กร หน่วยงาน เครือข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อการเพิ่มกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน
วิธีการ
- สร้างแกนนำครูนักเรียน ให้มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน และการบริโภคผักผลไม้ รวมทั้งมีทักษะในการสื่อสารเพื่อการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย
- สร้างแกนนำพนักงาน คนในอาชีพต่าง ๆ ให้มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน และการบริโภคผักผลไม้ รวมทั้งมีทักษะในการสื่อสารเพื่อการส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่ทำงาน
- สร้างแกนนำผู้นำศาสนา ทั้งในวัด มัสยิด ให้มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน วัตร 10 ของสงฆ์ และการบริโภคผักผลไม้เพื่อส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย การลดปัจจัยเสี่ยง และการบริโภคที่เหมาะสมในศาสนสถาน
- โครงการความร่วมมือในการใช้สนามในสถานที่ราชการ หรือเอกชนหลังเลิกงานเพื่อนันทนาการและออกกำลังกายสำหรับประชาชน
- โครงการพัฒนาอาสาสมัครในชุมชนระบบเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้พื้นที่สาธารณะในการมีกิจกรรมทางกาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี |
---|
2. พัฒนาเครืองมือสำรวจ และวัดผล ระบบติดตามประเมินผล ฐานข้อมูลทางวิชาการ ฐานข้อมูลสุขภาพระดับบุคคลด้านกิจกรรมทางกายและสุขภาพของประชาชนไทย
3. รณรงค์แนวทางการมีกิจกรรมทางกายของคนทุกกลุ่มวัยในยุค Next Normal พัฒนาแนวทาง หรือรูปแบบการมีกิจกรรมทางกายในยุคชีวิตวิถีใหม่จุดประกายให้เกิดวัฒนธรรมของการใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉง
4. พัฒนาระบบสนับสนุน และนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกายอย่างต่อเนื่อง ระบบเฝ้าระวังสถานการณ์ ฐานข้อมูล ระบบสารสนเทศ ด้านกิจกรรมทางกายและพฤติกรรมทางสุขภาพในมิติที่เกี่ยวข้อง กลไกผลักดันให้เกิดนโยบาย มาตรการหรือกลไกขยายผลนโยบาย
5. หลักสูตรพัฒนาพื้นที่สุขภาวะชุมชน
6. องค์ความรู้/คู่มือการทำพื้นที่สุขภาวะในบริบทต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถประยุกต์ใช้ได้
7. การสื่อสารข้อมูลพื้นที่สุขภาวะ ทั้งในเชิงสื่อ Mass media สื่อ Area-based และสื่อเชิงวิชาการ
8. วางหลักเกณฑหรือปรับปรุงระเบียบในการออกแบบการใชพื้นที่ เสนทางการ สัญจรทั้งในเมืองและชุมชน และพื้นที่สาธารณะ ที่เอื้อตอการมีกิจกรรมทางกายของคนทุกกลุมวัย
9. การใช้เทคโนโลยีดิจิตอล/แอพพลิเคชั่น/สารสนเทศ มาใช้ส่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องพื้นที่สุขภาวะและกิจกรรมทางกายให้กับประชาชน
2. การสร้างบรรทัดฐานสังคมกระฉับกระเฉง (Active society)
3. สร้างเสริมองค์ความด้านสุขภาพ พื้นที่สุขภาวะ ให้กับบุคลากรสุขภาพในชุมชน เช่น เจ้าหน้าที่อนามัย หรือครูสอนโยคะ ครูแอโรบิค ให้เข้าไปกระจายความรู้หรือส่งเสริมกิจกรรมทางกาย
4. พัฒนาศักยภาพบุคลากรมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะ ทั้งในระดับผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker) ระดับหน่วยงาน และระดับชุมชน
5. ขยายแนวคิด “พื้นที่สุขภาวะ” อันเป็นเสมือนพื้นที่ส่วนกลางของชุมชน ที่ดึงดูดให้ผู้คนออกมาใช้สอยและทำกิจกรรมร่วมกัน โดยมีเป้าหมายหลักคือการ “ปรับพฤติกรรมให้มีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น”
2. การออกแบบพื้นที่สุขภาวะตามบริบทของพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เมือง พื้นที่ชานเมือง พื้นที่ชุมชนแออัด พื้นที่ชนบท
3. การออกแบบที่สอดรับความต้องการเชิงพื้นที่และสอดคล้องกับตำแหน่งที่ตั้ง ลักษณะของพื้นที่สาธารณะ และสภาพโดยรอบ โดยแบ่งความต้องการ 8 ด้าน ได้แก่ 1) พื้นที่สีเขียว 2) ความปลอดภัย 3) กิจกรรมหลากหลาย 4) พื้นที่พักผ่อน 5) พื้นที่เรียนรู้ 6) พื้นที่มีร่มเงา 7) พื้นที่ยืดหยุ่น 8) พื้นที่จอดรถ
2. การสร้างโอกาสการมีีกิิจกรรมทางกาย (Active people)
3. ผลักดันหน่วยงานระดับท้องถิ่น ให้มีการจัดการพื้นที่สุขภาวะเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และการออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน สำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส หรือกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงการบริการ เพื่อลดช่องว่างของความไม่เป็นธรรมทางสุขภาพ
4. มาตรการสร้างแรงจูงใจ เช่น ลดภาษีและเพิ่มโอกาสการพัฒนาแปลงที่ดินให้เป็นพื้นที่สำหรับสาธารณะ โดยมีรัฐช่วยอุดหนุนค่าพัฒนาพื้นที่
5. มาตรการควบคุม เช่น การเพิ่มข้อกำหนดเรื่องที่ว่างและพื้นที่สีเขียน เพิ่มข้อกำหนดเรื่องที่ว่างและพื้นที่สีเขียว เพิ่มข้อกำหนดขั้นต่ำครอบคลุมถึงพื้นที่ขนาดเล็ก
2. สนับสนุนกลุ่ม หน่วยงาน องค์กร ชุมชนและท้องถิ่น ให้เป็นภาคีร่วมขับเคลื่อนการออกแบบและดำเนินงานกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมสอดคล้องกับกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ (Settings)
3. มหกรรมสุขภาพออนไลน์ให้เกิดขึ้นและต่อยอดในอนาคตส่งเสริมกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพที่ดี เพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่
4. การสร้างกลไกที่เอื้อให้เกิดชุมชนเมืองจัดการตนเองได้
5. การสร้างเครือข่ายสุขภาพ นำนโยบายไปสุ่การปฏิบัติจริง ได้แก่ หน่วยงานด้านสุขภาพช่วยรณรงค์และแนะนำ สถาบันการศึกษาคอยให้ความรู้ความเข้าใจ เข้าของพื้นที่ให้สนับสนุนด้านสถานที่ ผู้คนในชุมชนช่วยกันเสนอความต้องการ และหน่วยงานสนับสนุนงบประมาณ โดยทุกองค์กรในเครือข่ายจะต้องทำงานสอดคล้องกัน
6. การมีส่วนร่วมกับประชาชนและชุมชนในพื้นที่ สำรวจพื้นที่และมีการประชุมร่วมกันระหว่างคนในชุมชน รวมถึงเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการออกแบบและทำพื้นที่จำลองร่วมกันก่อนสร้างจริง
7. การปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน รวมถึงคนในชุมชนกับคนภายนอกให้มีการเพิ่มกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น
ชื่อโครงการย่อย | ผู้รับผิดชอบ | งบประมาณที่ตั้งไว้ (บาท) |
---|
ปีงบประมาณ | ชื่อติดตามโครงการ | องค์กรรับผิดชอบ | งบประมาณ (บาท) | |
---|---|---|---|---|
รวม | 0.00 |